Timeframe คืออะไร?

Timeframe คือ

Timeframe หรือเรียกกันย่อๆ TF คือ กรอบเวลา ที่แสดงการเคลื่อนไหวของราคา ในรูปแบบของแท่งเทียน (Candles) หรือบาร์ (Bars) ซึ่งถูกแบ่งตามช่วงเวลาต่างๆ เช่น

TF M30หมายถึง การเคลื่อนไหว 1 แท่งเทียน ในเวลา 30 นาที
TF H4หมายถึง การเคลื่อนไหว 1 แท่งเทียน ในเวลา 4 ชั่วโมง
TF D1หมายถึง การเคลื่อนไหว 1 แท่งเทียน ในเวลา 1 วัน
TF W1หมายถึง การเคลื่อนไหว 1 แท่งเทียน ในเวลา 1 สัปดาห์
TF MNหมายถึง การเคลื่อนไหว 1 แท่งเทียน ในเวลา 1 เดือน

วิธีเลือก TF ให้เหมาะสมกับการเทรด

การดู Timeframe และเข้าเทรดนั้น ให้เทรดเดอร์เลือกเข้าและออกใน TF เดียวกัน อย่างมองหลาย TF สลับไปมา ป้องกันการสับสนจนอาจจะหลงเทรนด์ได้ โดย

  • เทรดเดอร์ระยะสั้น: ที่มีเวลาดูกราฟบ่อยๆ หรือตลอด ควรเลือกเล่นใน TF M1 – M5 แต่ควรเลือกใช้เพียงหนึ่ง TF เท่านั้น
  • เทรดเดอร์รายวันและระยะกลาง: ที่ทำการเทรดหลายชั่วโมง – สองสามวัน อาจเลือกใช้ TF M30, H1, H4, D1
  • เทรดเดอร์ระยะยาว: ไม่ค่อยมีเวลาดูกราฟ ซื้อขาย ถือไว้เป็นเวลานานเป็นสัปดาห์ถึงหลายเดือน ควรเล่นใน TF ที่มีช่วงเวลาที่ยาวมากขึ้นตามไปด้วย ได้แก่ MN และ W1 จะทำให้การเทรดได้ผลดีกว่า และอาจใช้ TF D1 ประกอบในการหาจุดเข้าเทรด
  • เทรดเดอร์มือใหม่: แนะนำ TF H4 ขึ้นไป เนื่องจากจะช่วยให้เห็นแนวโน้มทิศทางของตลาดที่ชัดเจนกว่า

Risk on / Risk off

ขึ้นชื่อว่าการลงทุนก็มักจะมาพร้อมกับความเสี่ยงเสมอ แต่หากไม่ลงทุนอาจเสี่ยงกว่า ทุกคนคงจะเคยได้ยินคำพูดประมาณนี้กันมาบ้าง วันนี้เลยจะมาแนะนำคำศัพท์เกี่ยวกับ ความเสี่ยง (Risk) กัน

ในการเข้าเทรดแต่ละครั้ง เทรดเดอร์จะต้องดูสภาวะของตลาด การเคลื่อนไหวของราคา และควรดู ‘ความเสี่ยง’ ของโอกาสในการขาดทุนด้วย ไม่ใช่ดูแต่โอกาสทำกำไรเท่านั้น ซึ่งความเสี่ยงสามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบ ได้แก่

1. Risk on

  • คือ ค่าความเสี่ยงต่ำ
  • ส่งผลให้เทรดเดอร์ กล้าเทรดมากขึ้น
  • กล้าที่จะเข้าเทรดในการซื้อขายที่มีความเสี่ยงสูง
  • จะเกิดในช่วงที่เศรษฐกิจเติบโตได้ดี ตลาดหุ้นพุ่งสูง

2. Risk off

  • คือ ค่าความเสี่ยงสูง
  • ส่งผลให้เทรดเดอร์ กลัวและเทรดอย่างระมัดระวัง
  • และเลือกเข้าเทรดในการซื้อขายที่มีความเสี่ยงต่ำแทน
  • จะเกิดในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง ไม่มั่นคง เศรษฐกิจมีการชะลอตัว ตลาดหุ้นร่วง

เมื่อสามารถประเมินความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้ว่าต่ำหรือสูง ก็จะช่วยให้ตัดสินใจเข้าเทรดได้ถูกจังหวะ ลดโอกาสในการขาดทุน และทำกำไรได้ แต่นอกจากการประเมินความเสี่ยงแล้ว เทรดเดอร์ควรใช้เทคนิคอื่นในการช่วยลดความเสี่ยงในการขาดทุนประกอบด้วย เช่น การใช้ Stop Loss พร้อมกับหมั่นติดตามข่าวสารสำคัญต่างๆ ด้วย

เทรด Forex อย่างไรให้ได้รับเงินคืน (Rebate / Cashback)

ในบางโบรกเกอร์มีบริการส่งเสริมการขายให้แก่เทรดเดอร์ ที่มาเปิดบัญชีและทำการเทรด โดยจะทำการคืนเงินบางส่วนจากรายได้ เช่น ค่า Spread, ค่า Swap และค่า Commission อาจจ่ายคืนในรูปแบบ เงินคืน เงินสด หรือส่วนลด ก็ได้แล้วแต่โปรโมชั่นของโบรกเกอร์นั้นๆ ซึ่งบัญชีแบบมีเงินคืนนี้ ไม่ได้มีการคิดค่า Commission และค่า Spread แพงขึ้นกว่าปกติแต่อย่างใด

โดยเงินคืนในส่วนนี้ มีคำเรียกที่แตกต่างกันไป ตามบุคคลที่เป็นผู้ให้เงินคืน

Rebate

คือ เงินที่ IB (Introducing Broker) เป็นผู้จ่ายคืนให้กับเทรดเดอร์ที่เปิดบัญชีผ่านลิงก์แนะนำของตนเอง

Cashback

คือ เงินที่โบรกเกอร์ เป็นผู้จ่ายคืนให้กับเทรดเดอร์เอง สำหรับเทรดเดอร์ที่เปิดบัญชีผ่านโบรกเกอร์โดยตรง

ซึ่งไม่ว่าเทรดเดอร์จะทำการเทรดได้กำไร หรือขาดทุน ก็ยังได้รับเงินคืนในส่วนนี้ ตราบเท่าที่ยังทำการซื้อขายอยู่ โดยอัตรา วิธีการคำนวณ และวันในการจ่ายคืนขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละโบรกเกอร์

Requote & Off quotes

Requote

คือ การที่เทรดเดอร์เปิดคำสั่ง Buy หรือ Sell แต่เซิร์ฟเวอร์ขึ้น pop-up แจ้งว่า ราคามีการเปลี่ยนแปลง และให้เลือกทำรายการต่อในราคาใหม่ หรือปฎิเสธ

สาเหตุของการเกิด Requote

  • ความเร็วอินเทอร์เน็ต อาจจะทั้งของ Server และเครื่องของเราเอง
  • การเทรดในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนของราคาสูง เช่น ช่วงตลาดลอนดอน หรือ อเมริกาเปิด, เมื่อมีข่าวสำคัญๆ
  • ประเภทบัญชีที่เลือกเปิด
  • โปรแกรมเทรด (MT4/MT5) ไม่สมบูรณ์ หรือเสียหาย

แนวทางแก้ไขการเกิด Requote

  • ใช้สาย LAN
  • เลี่ยงการเทรดช่วงที่มีข่าวสำคัญ หากความเร็วอินเทอร์เน็ตไม่แรงพอ
  • เพิ่มสเปคคอมพิวเตอร์ หรือใช้คอมหลายตัว เช่น เปิดข่าวและเปิดโปรแกรมเทรด แยกกัน
  • เปลี่ยนบัญชีการเทรดจาก Mini เป็น ECN จะไม่มีปัญหา Requote เลย เพราะมีการส่งคำสั่งไปยังธนาคารกลางโดยตรง
  • ใช้วิธี Pending Order, ตั้ง Take Profit และ Stop Loss
  • ตั้งค่า Maximum Deviation ใน MT4 เพื่อเปิดหรือปิดคำสั่งอัตโนมัติ เมื่อราคาเปลี่ยนแปลงจากที่ส่ง ตามจำนวนจุดที่กำหนดไว้

ข้อควรระวัง! กรณีที่ใช้ EA ปิดคำสั่งเอง โดยไม่ได้ใช้ Take Profit หรือ Stop Loss ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าดำเนินตามคำสั่งสำเร็จหรือไม่ เพราะ EA ที่ขายบางตัวไม่มีการตั้งค่าสำหรับกรณีเจอ Requote เอาไว้ อาจทำให้เทรดเดอร์ขาดทุนได้


Off quotes

คือ การที่ตลาดยังไม่มีราคาใหม่ และราคาล่าสุดก็ไม่สามารถใช้เป็นราคาตลาดได้ โดยเมื่อเทรดเดอร์เปิดคำสั่งด้วยราคาดังกล่าว เซิร์ฟเวอร์จะแจ้งข้อความ Off quotes เพื่อปฏิเสธการดำเนินการ

ช่วงเวลาที่มักเกิด Off quotes เมื่อตลาดมีสภาพคล่องต่ำ

  • ช่วงเริ่มเปิดตลาด
  • ใกล้ปิดตลาด
  • เมื่อมีการประกาศข่าวสำคัญ

ทำอย่างไร? หากไม่ต้องการให้เกิด Off quotes

  • หลีกเลี่ยงการเทรดในช่วงที่ตลาดมีสภาพคล่องต่ำและผันผวนสูง
  • หลีกเลี่ยงการเทรดด้วยเครื่องมือทางการเงินนั้นๆ ในสภาพคล่องต่ำ หรือตรวจสอบก่อนว่าสามารถเทรดได้

Rollover คืออะไร?

ใครที่กำลังวางแผนเปิดคำสั่งซื้อขายทิ้งไว้ข้ามคืน อย่ามองข้าม Rollover เพราะคุณอาจต้องจ่ายค่าธรรมเนียม โดยไม่รู้ตัว!

Rollover คือ

กระบวนการที่โบรกเกอร์เลื่อนวันทำรายการคำสั่งซื้อของคุณ ที่มีการถือข้ามคืน มาเป็นวันล่าสุด โดยอัตโนมัติ ซึ่งอาจจะทำให้คุณได้รับ หรือต้องจ่ายค่าธรรมเนียม (Swap) โดยกระบวนการนี้จะเกิดขึ้นทุกวันหลัง 5.00 p.m. EST ที่ตลาดนิวยอร์กปิด

ไม่มีการ Rollover ในวันหยุด แต่จะมีการเพิ่มทดแทนก่อนวันหยุด

ใช้ Rollover อย่างไรให้เกิดประโยชน์?

  • ถ้าแนวโน้ม Swap จะติดลบ ให้ปิดตำแหน่งก่อน 5.00 p.m. EST
  • ถ้าแนวโน้ม Swap จะเป็นบวก และต้องการเทรดต่อ ให้ถือสถานะทิ้งไว้

ข้อควรระวัง

  • สำหรับคนที่วางแผนซื้อขายข้ามคืน ให้ระวังอัตราของ Rollover ที่อาจมีความผันผวนรุนแรง โดยควรหมั่นตรวจสอบปฏิทินของธนาคารกลางอยู่เสมอ ว่ามีเหตุกาณ์ใดที่อาจส่งผลกระทบได้หรือไม่

ตลาดกระทิง vs ตลาดหมี

สำหรับนักลงทุนทางด้านการเงิน ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินประเภทไหน ต้องเคยได้ยิน ได้เห็นคำว่า ตลาดกระทิง หรือตลาดหมี ผ่านหูผ่านตากันมาบ้าง วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับสองตลาดนี้กันให้มากยิ่งขึ้น

การเทรด Forex สามารถเข้าทำกำไรได้ทั้ง ตลาดกระทิง และ ตลาดหมี

ตลาดกระทิง (Bull Market)

คือ สภาวะที่ตลาดมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น (Up Trend) แบบชันขึ้นมากกว่า 45 องศา เป็นช่วงที่ตลาดกำลังมีราคาสูงขึ้น เสมือนลักษณะการต่อสู้ของกระทิงที่ใช้เขาขวิดขึ้น

และหากเราต้องการทำกำไรกับตลาดกระทิง ให้เปิดคำสั่งซื้อ (Buy Order)

ตลาดหมี (Bear Market)

คือ สภาวะที่ตลาดมีแนวโน้มขาลง (Down Trend) แบบชันลงมากกว่า 45 องศา เป็นตลาดที่ตรงข้ามกับตลาดกระทิง โดยตั้งชื่อตามท่าทางต่อสู้ของหมีที่ใช้อุ้งเท้าตะปบลง

หากต้องการเทรดทำกำไรในตลาดหมี ให้เปิดคำสั่งขาย (Sell Order)

สภาวะที่ตลาดมีแนวโน้มการปรับตัวขึ้นหรือลง ไม่ชัดเจน เรียกว่า ตลาดไซด์เวย์ (Sideways Market)

ตอนนี้ทุกคนก็น่าจะรู้จักกับทั้งสองตลาดมากขึ้น และพร้อมจะเข้าเทรดทำกำไร ไม่ว่าสภาวะตลาดจะเป็นอย่างไรกันแล้ว แต่อย่าลืมว่า คุณจะต้องจับสัญญาณให้ได้ก่อนตลาดนั้นๆ จะเกิดขึ้นด้วยนะ

IB Forex คือ? ทำหน้าที่อะไร

คืออะไร

IB ย่อมาจาก Introducing Broker ซึ่งก็คือ ผู้แนะนำโบรกเกอร์

ทำหน้าที่อะไร

มีหน้าที่แนะนำและชักชวนคนให้มาเปิดบัญชีเทรดกับโบรกเกอร์ ภายใต้ลิงก์แนะนำของตนเอง ถ้าให้เปรียบกับอาชีพอื่น คงจะเปรียบได้กับนายหน้าขายประกันนั่นเอง

แต่เดี๋ยวก่อนสำหรับ IB Forex แล้ว ไม่ได้เพียงแต่เข้าไปแนะนำชักชวนด้วยการพูดคุยแบบทั่วๆ ไปแค่นั้น วิธีการที่ IB Forex ใช้จะเป็นในรูปแบบของการให้ความรู้ เปิดอบรม สอนเทรด สอนเทคนิคต่างๆ ที่เรียกได้ว่าเทรดเดอร์ได้รับประโยชน์อย่างมาก เพราะหากเทรดกับโบรกเกอร์เองโดยตรง ก็จะไม่ได้รับในส่วนนี้

ได้อะไรจากการแนะนำ

เมื่อ IB Forex ชักชวนคนมาเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ได้ ก็จะได้รับค่าคอมมิชชั่นจากรายได้จาก Spread ที่เทรดเดอร์ทำการซื้อขาย อาจได้รับตั้งแต่ 20% – 50% ขึ้นอยู่กับแต่ละโบรกเกอร์, อาจจะได้รับเป็นจำนวน Lot หรืออาจจะได้รับเป็นค่าส่วนลดต่างๆ แทน

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เหรียญมีสองด้านเสมอ IB Forex ก็เช่นกัน เราต้องเลือกสรร IB Forex ที่ดีมาช่วยแนะนำเรา เพราะหากเจอคนไม่ดีแล้ว เขาอาจจะแนะนำให้เราเปิดออเดอร์ซื้อขายที่มากเกินจำเป็น ไม่เหมาะสมกับตัวเรา และจะกลายเป็นผลเสียไปในที่สุด

Leverage คืออะไร?

Leverage (เลเวอเรจ) หรือที่บางคนเรียกว่า Margin Trading คือเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการลงทุน โดยเทรดเดอร์สามารถขอยืมเงินส่วนหนึ่งจากโบรกเกอร์ มาเปิดออเดอร์ที่ต้องใช้เงินทุนมากกว่าที่เรามีอยู่จริงได้

Leverage ที่เราใช้กัน จะอยู่ในรูปแบบของอัตราส่วน

เงินหลักประกันที่ต้องวาง (Margin) : มูลค่าสินทรัพย์

ซึ่งเทรดเดอร์สามารถเลือกได้เองว่าต้องการใช้อัตราส่วนเท่าไร โดยมีให้เลือกตั้งแต่ 1 : 1 จนถึงสูงสุดที่ 1 : 1000 ในบางโบรกเกอร์

ตัวอย่าง


ถ้าเลือก Leverage 1 : 1
เท่ากับ ไม่ใช้เลเวอเรจ เช่น มีเงิน 1 USD ก็เปิดออเดอร์ได้แค่ 1 USD


แต่ถ้าเลือก Leverage 1 : 2
มีเงินวางประกันไว้เท่าเดิม 1 USD แต่เปิดออเดอร์ได้มากสุด 2 USD


หรือเลือก Leverage 1 : 1000
มีเงินวาง 2 USD เท่ากับเปิดออเดอร์ได้สูงสุดถึง 2,000 USD เลยทีเดียว

จากตัวอย่างจะเห็นว่า Leverage เป็นตัวช่วยที่สร้างโอกาสให้เราทำกำไรได้สูงมากขึ้น แม้จะมีเงินทุนน้อยก็ตาม แต่ในทางกลับกัน ก็ต้องระวังในเรื่องของโอกาสขาดทุนที่สูงขึ้นเช่นกัน เพราะฉะนั้นควรตั้งค่า Stop Loss ไว้ด้วยทุกครั้ง

คำศัพท์เกี่ยวกับ Margin

Margin

คือ เงินที่โบรกเกอร์หักจากบัญชีเทรดไว้ใช้เป็นหลักประกันในการเปิดออเดอร์ซื้อขาย และจะได้รับคืนเมื่อปิดออเดอร์

Used Margin

คือ เงินประกันที่ถูกนำไปใช้เปิดออเดอร์แล้ว เงินจำนวนนี้จะถูกคืนกลับเป็น Free Margin เมื่อปิดออเดอร์

Free Margin

หรือที่บางคนเรียกว่า Available Margin คือ เงินประกันคงเหลือ ที่ใช้สำหรับการเปิดออเดอร์เพิ่ม หรือใช้เป็นเงินสำรองเมื่อเกิดการขาดทุน

Margin Call

คือ การแจ้งเตือนจากโบรกเกอร์ เมื่อขนาดของ Equity ลดลงถึงระดับความเสี่ยงที่โบรกเกอร์กำหนด ซึ่งเทรดเดอร์จะต้องเข้ามาฝากเงินเพิ่ม หรือปิดออเดอร์ แต่หากเทรดเดอร์ยังไม่ดำเนินการใดๆ จนถึงระดับ Margin Level ที่โบรกเกอร์กำหนด ส่วนใหญ่กำหนดไว้ที่ ต่ำกว่า 50% โบรกเกอร์จะทำการปิดออเดอร์ให้เอง

Margin Level

คือ ระดับความปลอดภัยของพอร์ต เกิดจากการคำนวณระหว่างอัตราส่วนของ Margin กับ Equity มีหน่วยเป็น % รู้จักกันในอีกชื่อว่า %Margin ยิ่งสูงยิ่งดี เช่น

1000% แสดงว่าพอร์ตปลอดภัย
ใกล้ 100% เท่ากับ Margin เกือบหมด
หากต่ำกว่า 100% จะเปิดออเดอร์เพิ่มไม่ได้ เข้าสู่ระดับของ Margin Call

ข้อดีของ Margin

  • ช่วยเปิดโอกาสให้ได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น
  • มีเงินทุนน้อยก็เทรดได้
  • ซื้อขายในปริมาณมากได้ แม้ไม่มีเงินทุนเท่าจำนวนจริง
  • ทำกำไรได้มากขึ้นในช่วงตลาดผันผวนน้อย ที่ต้องอาศัยเปิดหลายออเดอร์พร้อมกัน
  • ช่วยให้เปิดออเดอร์ได้รวดเร็วและต่อเนื่อง

ข้อเสียของ Margin

  • อาจขาดทุนได้มากขึ้น (ได้กำไรมาก ก็ขาดทุนได้มาก)

Lot Forex คืออะไร?

Lot คืออะไร

Lot คือ หน่วยของขนาดสัญญาซื้อขาย เป็นคำศัพท์ที่ใช้ในการเทรด Forex หรือผลิตภัณฑ์ที่เทรดโดยใช้สัญญา CFD เช่น ทองคำ น้ำมัน สกุลเงินดิจิตอล หุ้นรายบริษัท

Lot จะมีค่าแตกต่างกันไปในแต่ละผลิตภัณฑ์

ตัวอย่าง 1 Standard Lot
ใน Forex มีค่า 100,000 หน่วย
แต่ในตลาดทองคำ มีค่า 100 oz

Lot เป็นคำเรียกสั้นๆ ของ Lot Size

ประเภทของ Lot

Lot ของ Forex แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ตามขนาดสัญญา (Contact Size) ดังนี้

ประเภท Lotจำนวนหน่วย (Unit)
Standard100,000
Mini10,000
Micro1,000
Nano100

วิธีดูว่าบัญชีของเราใช้ Lot ประเภทไหนอยู่ให้ดูที่ Contact Size

ตารางผลกำไร/ขาดทุน

ประเภท LotLotกำไร/ขาดทุน ต่อจุด
Standard1 Lot10 USD
Mini0.1 Lot1 USD
Micro0.01 Lot10 Cent
Nano0.001 Lot1 Cent

ประโยชน์ของ Lot

  • เลือกเทรดปริมาณน้อยได้
  • เงินทุนน้อย ก็เทรดได้
  • ลดความเสี่ยงขาดทุน (เลือก Lot ขั้นต่ำสุด 0.01 ได้)