Welcome to SolutionFx
  • Home
  • Broker Solutions
    • Broker in a Box
    • Company and License
    • Liquidity and Dealing
    • MetaTrader 4 White Label
    • cTrader White Label
  • Web Solutions
    • Website and CMS
    • Trader CMS
    • Broker CMS
    • IB Functionality
    • Promotional Videos
  • Article
    • Knowledge
    • Economic Calendar
    • News
  • About Us
  • Contacts
SolutionFX ผู้ให้บริการเทรด Forex Broker Platform
  • Home
  • Broker Solutions
    • Broker in a Box
    • Company and License
    • Liquidity and Dealing
    • MetaTrader 4 White Label
    • cTrader White Label
  • Web Solutions
    • Website and CMS
    • Trader CMS
    • Broker CMS
    • IB Functionality
    • Promotional Videos
  • Article
    • Knowledge
    • Economic Calendar
    • News
  • About Us
  • Contacts
  • Home
  • Broker Solutions
    • Broker in a Box
    • Company and License
    • Liquidity and Dealing
    • MetaTrader 4 White Label
    • cTrader White Label
  • Web Solutions
    • Website and CMS
    • Trader CMS
    • Broker CMS
    • IB Functionality
    • Promotional Videos
  • Article
    • Knowledge
    • Economic Calendar
    • News
  • About Us
  • Contacts
  • Home
  • Broker Solutions
    • Broker in a Box
    • Company and License
    • Liquidity and Dealing
    • MetaTrader 4 White Label
    • cTrader White Label
  • Web Solutions
    • Website and CMS
    • Trader CMS
    • Broker CMS
    • IB Functionality
    • Promotional Videos
  • Article
    • Knowledge
    • Economic Calendar
    • News
  • About Us
  • Contacts
Knowledge
Home Knowledge Page 3
26 September
ArticleKnowledge

Forex vs หุ้น

by adminfx 0 Comments

Forex กับ หุ้น ต่างกันไหม

หลายคนมักจะถามกันว่า Forex กับ หุ้น ต่างกันอย่างไร แล้วเลือกลงทุนอะไรดี ก่อนอื่นต้องบอกว่าทั้งสองอย่าง ไม่เหมือนกัน เป็นการลงทุนคนละประเภท แต่จะต่างกันมากน้อยแค่ไหน ไปดูตารางด้านล่างกัน

  Forex หุ้น
การซื้อขาย • ซื้อขายสกุลเงิน เพื่อเก็งกำไร
• กำไรขาดทุน เป็นผลจากการขึ้นลงของค่าเงิน
• ซื้อตราสารที่ออกโดยบริษัท เสมือนร่วมเป็นเจ้าของกิจการ
• กำไรขาดทุน ขึ้นกับผลประกอบกิจการ
สภาพคล่อง • สภาพคล่องสูงกว่ามาก
• ปริมาณการซื้อขายประมาณ 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อวัน
• สภาพคล่องต่ำกว่า
• ปริมาณการซื้อขายประมาณ 200 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อวัน
การทำกำไร • ทำกำไรได้จากทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง
• เงินทุนน้อย แต่มีโอกาสขยายกำไรได้มากจากการเทรดด้วย Leverage, Margin (กำไรได้มาก ก็ขาดทุนได้มากเช่นกัน)
• ทำกำไรได้ เมื่อราคาหุ้นเพิ่มเท่านั้น
• ใช้เงินทุนเต็มจำนวน ขยายกำไรไม่ได้
เวลาเปิด-ปิดตลาด • เปิด 24 ชั่วโมง
• หยุดเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
• เปิด 4 – 8 ชั่วโมง / วัน
• หยุดเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
ค่าคอมมิชชั่น • ต่ำ หรือไม่มี • มี
ผู้ควบคุมตลาด • ไม่มีใครควบคุมได้ เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจ สถานการณ์บ้านเมือง • อาจมีการปั่นหุ้นได้
กฎหมายรองรับในไทย • ไม่มี • มี
เหมาะกับใคร • นักลงทุนที่ชอบการลงทุนระยะสั้น ถึงกลาง • นักลงทุนที่ชอบการลงทุนระยะยาว

เลือกลงทุนอะไรดี

สำหรับใครที่กำลังถามว่าควรเลือกลงทุนอะไรดี ระหว่าง Forex กับ หุ้น คงจะต้องย้อนกลับมาถามตัวเองกันก่อนว่ามีสไตล์การลงทุน หรือชอบการลงทุนแบบไหน การลงทุนทั้งสอบแบบ ข้อดีข้อเสียและมีความยากในแบบของตัวเองกันทั้งคู่ เพราะฉะนั้นควรเลือกสิ่งที่เหมาะกับตัวเราจะดีที่สุด

Read More
25 September
ArticleKnowledge

Forex Broker คืออะไร ทำไมถึงสำคัญ!

by adminfx 0 Comments

Forex Broker คืออะไร

โบรกเกอร์ Forex คือ บริษัทที่ได้รับใบอนุญาตให้ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการรับคำสั่ง ซื้อ-ขาย จากเทรดเดอร์ ส่งตรงไปยังตลาด Forex

เทรดเดอร์ ซื้อขายโดยตรงกับตลาด Forex ไม่ได้ จะต้องดำเนินการผ่าน โบรกเกอร์ เท่านั้น

ประเภทของ Forex Broker

โบรกเกอร์ Forex แบ่งได้ 2 ประเภท

  1. Dealing Desk (DD)
  2. No Dealing Desk (NDD)

แต่ในปัจจุบันโบรกเกอร์ส่วนใหญ่ ใช้ระบบการทำงานแบบผสมทั้ง DD และ NDD โดยมีการเลือกให้เหมาะสมกับลูกค้า

  Dealing Desk (DD) No Dealing Desk (NDD)
ลักษณะการทำงาน • รับออเดอร์มาจับคู่เองภายใน ไม่ส่งคำสั่งไปที่ตลาด
• ถ้าออเดอร์เป็นกำไร ใช้เงินของโบรกเกอร์จ่ายให้
• หากเทรดเดอร์ เทรดขาดทุน โบรกเกอร์ได้กำไร,
เทรดเดอร์ ได้กำไร โบรกเกอร์ขาดทุน
• โบรกเกอร์มีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา
• เป็นเพียงตัวกลาง รับออเดอร์ ส่งตรงไปยังตลาด
• ถ้าออเดอร์เป็นกำไร นำเงินจากตลาดมาจ่ายให้
• ไม่มีส่วนได้ หรือเสียใดๆ จากออเดอร์ของเทรดเดอร์
ข้อดี • ค่าบริการถูก
• Spread ต่ำ และคงที่
• Commission ต่ำ (บางโบรกเกอร์ไม่คิด)
• แสดงราคาจากตลาดจริง กราฟน่าเชื่อถือ
• เปิดคำสั่งซื้อขายรวดเร็ว สภาพคล่องสูง
• โบรกเกอร์ไม่ต้องการกำไรจากการเทรดขาดทุนของเทรดเดอร์
• ไม่ค่อยมี Re-Quotes
ข้อเสีย • ราคาอาจไม่ใช่ราคาตลาด ไม่น่าเชื่อถือ (บางโบรกเกอร์อาจตกแต่งราคาเอง)
• การส่งคำสั่งซื้อขายอาจล่าช้า
• อาจปฏิเสธการรับคำสั่งซื้อ (Re-Quotes) เมื่อปริมาณเทรดมาก มักเกิดปัญหา
• ค่าบริการสูงกว่า (ไม่มาก)
• Spread สูง
• Commission สูง

โบรกเกอร์ประเภท No Dealing Desk (NDD) ยังแบ่งได้อีก 2 ประเภท ดังนี้

  1. STP (Straight Through Processing System) คือ การประมวลผลโดยตรง คำสั่งซื้อขายจะส่งตรงไปยังตลาดทันที
  2. ECN+STP (Electronic Communication Network + Straight Through Processing) คือ โบรกเกอร์ที่ใช้ระบบเทรดที่ทำให้คำสั่งซื้อขายจับคู่กับราคาในตลาดได้อย่างรวดเร็ว ไม่เกิดการรีโควต เหมาะสำหรับเทรดเดอร์มืออาชีพ

Read More
24 September
ArticleKnowledge

ตลาด Forex เปิด-ปิด กี่โมง (เวลาไทย)

by adminfx 0 Comments

หลายคนคงทราบกันแล้วว่า ตลาด Forex เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง จันทร์-ศุกร์ (หยุดเสาร์-อาทิตย์) แต่รู้หรือไม่ว่าคำว่า 24 ชั่วโมงนั้น ไม่ได้หมายถึงทุกสกุลเงินเปิดปิดพร้อมกัน

แต่ละสกุลเงินมีเวลาเปิดปิดเป็นของตัวเอง บางสกุลก็มีเวลาที่คาบเกี่ยวกัน ทำให้เมื่อรวมเวลาเปิดปิดของทุกสกุลเงินในทุกประเทศที่เข้าร่วมแล้ว กลายเป็นว่านักเทรดสามารถเลือกเทรดคู่เงินที่สนใจได้ตลอด 24 ชั่วโมง นั่นเอง

โดยช่วงเวลาที่นักเทรดให้ความสำคัญจะแบ่งออกเป็น 4 session จากสี่ประเทศ ซึ่งถือเป็นตัวแทนเศรษฐกิจในแต่ละภูมิภาค ได้แก่ ซิดนีย์ (Sydney), โตเกียว (Tokyo), ลอนดอน (London) และนิวยอร์ก (New York)

เวลาไทย 🇹🇭

SydneyTokyoLondonNew York
เปิด04:0007:0014:0019:00
ปิด13:0016:0023:0004:00

เวลาท้องถิ่น

SydneyTokyoLondonNew York
เปิด07:0009:0008:0008:00
ปิด16:0018:0017:0017:00

ตลาด Forex เปิดวันจันทร์ 04.00 น. ถึง วันเสาร์ 03.59 น.

Daylight Savings Time

นอกจากช่วงเวลาเปิดปิดปกติที่เราคุ้นเคยกันดี ยังมีจุดที่นักเทรดควรระวังและวางแผนกันให้ดี นั่นก็คือช่วงเวลาออมแสง หรือ Daylight Saving Time ที่ในบางประเทศจะมีการปรับเปลี่ยนเวลาตามการขึ้น-ลง ของดวงอาทิตย์ เป็นผลจากฤดูกาลต่างๆ ซึ่งส่งผลให้เวลาการเปิดปิดของตลาดในประเทศนั้นๆ เปลี่ยนแปลงไปด้วย

เดือนที่มีการปรับเวลาจะอยู่ในช่วงเดือน ตุลาคม/พฤศจิกายน และ มีนาคม/เมษายน แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ แต่จากสี่ประเทศหลักที่เราได้กล่าวไป มีเพียงญี่ปุ่นที่ไม่มีการปรับเวลาออมแสง

สำหรับใครที่ยังสับสนอยู่ เราขอแนะนำ Forex Market Hours tool เครื่องมือช่วยแปลงเวลา เอาไปใช้กันก่อนจนกว่าจะจำเวลาเปิดปิดได้ด้วยตัวเอง

Read More
23 September
ArticleKnowledge

ความสำคัญของการกำหนด Position Sizing

by adminfx 0 Comments

มาต่อกันจากบทความที่แล้ว Position คืออะไร เราทิ้งท้ายกันไว้ที่ความหมายสั้นๆ ของ Position Sizing พร้อมกับย้ำว่าเป็นสิ่งจำเป็น จำเป็นอย่างไรไปดูกัน

Position Sizing

Position Sizing คือ ขนาดของสัญญา เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ใช้ในการบริหารความเสี่ยง ด้วยการจำกัดการขาดทุน

การหาค่าที่เหมาะสมสำหรับกำหนด Position Sizing

1. หาระยะ Stop Loss

ระยะของ Stop loss มีหน่วยเป็น pip โดย 1 Pip เท่ากับ ราคาต่อ Unit

เช่น EURUSD เข้า Long ที่ 1.4000 วาง Stop loss ที่ 1.3990
ดังนั้น ระยะ Stop loss เท่ากับ 0.0010 หรือ 10 pips

เทรดเดอร์ควรตั้ง Stop loss ทุกครั้ง เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการเทรดขาดทุน

2. ถามตัวเองว่ารับความเสี่ยงได้แค่ไหน

ให้คุณตั้งคำถามกับตัวเองว่า พร้อมรับความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน หรือยอมขาดทุนได้สูงสุดเท่าไร หากคุณตั้งเปอร์เซ็นต์ในการรับความเสี่ยงไว้สูง ก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนมาก แต่ก็อาจจะขาดทุนได้มากเหมือนกัน

ตัวอย่าง ขนาดพอร์ต 10,000 ดอลลาร์ รับความเสี่ยงได้ 5%
เท่ากับเรายอมขาดทุนสูงสุดได้ที่ 500 ดอลลาร์

3. เช็ค Lot Size และ Pip Value

Position sizing จะขึ้นอยู่กับจำนวน Lot ที่คุณเปิดเทรด ซึ่งมีทั้งหมด 4 ประเภท ได้แก่

Nano lot sizeค่าเท่ากับการเทรด 100 unit
Micro lot sizeมีค่าเท่ากับการเทรด 1,000 unit
Mini lot sizeมีค่าเท่ากับการเทรด 10,000 unit
Standard lot sizeมีค่าเท่ากับการเทรด 100,000 unit

Lot คือ ปริมาณหรือขนาดของหน่วยสกุลเงินในการซื้อขาย

ส่วนมูลค่าของ pip จะมีค่าที่แตกต่างกันไป ตามแต่ละสกุลเงิน

Nano lot1 pip = 0.01 USD
Micro lot1 pip = 0.10 USD
Mini lot1 pip = 1 USD
Standard lot1 pip = 10 USD

สามารถดูค่าเมื่อเทียบเป็น USD, EUR, GBP ได้ที่นี่ https://www.mataf.net/en/Multi-Asset/tools/pip-value

4. คำนวณ Lot Size

นำค่าที่ได้จากข้อ 1-3 มาคำนวณตามสูตร หาค่า Lot เพื่อนำไปเปิด Position ซื้อ/ขา

การคำนวณขนาดสัญญา Multi-Asset มีสูตรคำนวณ ดังนี้

Risk per trade (ข้อ 2) / Stop loss in pips (ข้อ 1) = Mini lot

ใช้ Mini เพราะ 1 pip = $1

ตัวอย่าง
ขนาดพอร์ต 10,000 ดอลลาร์ รับความเสี่ยงได้ 5% ระยะ Stop loss เท่ากับ 50 pips

แทนสูตร
($1,000 x 3%) / 50
= $30 / 50
= 0.6 mini lots
แสดงว่า คุณจะต้องเปิด Position ขนาด 0.6 mini lots หรือ 6 micro lots นั่นเอง

สรุปข้อดี

  • ทำให้การเทรดมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  • ป้องกันและควบคุมความเสี่ยงจากการเทรดขาดทุน
  • ช่วยจำกัดจำนวนเงินในการลงทุน
  • พอร์ตเติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพ

Read More
22 September
ArticleKnowledge

Position คืออะไร?

by adminfx 0 Comments

เมื่อเราตัดสินใจเข้ามาสู่วงการเทรด Forex กันแล้ว ก็น่าจะศึกษาและเรียนรู้คำศัพท์กันไว้บ้าง โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับขั้นตอนการเทรด ที่มักจะใช้พูดกันบ่อยที่สุด

Position คือ

Position เป็นภาษาพูดที่เทรดเดอร์ใช้กล่าวถึง ตำแหน่งที่ทำการเปิด หรือปิดสัญญา ที่เป็นค่าตัวเลข 128.243, 1.05075 เป็นต้น เวลานำไปใช้กันก็อย่างเช่น

เปิด Position ซื้อ
เปิด Position ขาย
ปิด Position

วาง Position อย่างไร?

การวาง Position แบบง่ายๆ มีวิธีการ ดังนี้

  1. เลือกเวลาที่ต้องการเปิดสัญญา (Order)
  2. เปิดสัญญา (Entry) ซื้อ/ขาย
  3. รอเวลาทำกำไร แล้วแต่ความพึงพอใจ
  4. ปิดสัญญา (Exit)

Position Sizing

Position Sizing คือ ขนาดของสัญญา

การกำหนดขนาดของสัญญา เป็นอีกสิ่งจำเป็นที่จะทำให้การเทรดมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และยังช่วยให้ควบคุมความเสี่ยงได้ การวาง Position แบบง่ายอย่างเดียวนั้นคงไม่เพียงพอ ยังมีส่วนอื่นที่เราควรต้องกำหนดไปพร้อมกันด้วย ซึ่งจะขอยกไปพูดถึงกันต่อในบทถัดไป ความสำคัญของการกำหนด Position Sizing

Read More
21 September
ArticleKnowledge

คุณเป็นนักเทรดสาย Technical หรือ Fundamental

by adminfx 0 Comments

เคยสงสัยกันไหมว่า วิธีการที่เราใช้วิเคราะห์ข้อมูล หรือทำก่อนตัดสินใจเลือกลงทุน ตรงกับนักเทรดสายไหน แล้วแต่สายเขามีวิธีการหรือเทคนิคยังไงกันบ้าง

 

Technical Analysis

การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) เป็นการนำหลักการคำนวณทางคณิตศาสตร์ มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลการเคลื่อนไหวของราคา แล้วแปลงข้อมูลออกมาให้เห็นภาพมากขึ้นในรูปแบบของกราฟต่างๆ ซึ่งได้กลายเป็นเครื่องมือช่วยชั้นเยี่ยม ที่ผู้เริ่มต้นลงทุนหลายคนเลือกใช้กัน

 

ปัจจุบันการวิเคราะห์ทางเทคนิค จะให้ความสำคัญกับเรื่อง จังหวะการเข้าเทรด มากกว่าทำนายทิศทางราคา

 

Fundamental Analysis

การวิเคราะห์ทางปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) เป็นการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคา จากข้อมูลจำนวนมหาศาล ซึ่งสำหรับการเทรด Forex นั้น จะเน้นไปที่ข้อมูลภาพรวมของเศรษฐกิจ, นโยบายการเงิน, อัตราเงินเฟ้อ เป็นต้น (ถ้าเป็นหุ้น จะเน้นด้านอุตสาหกรรม และงบการเงิน) ทำให้วิธีนี้เหมาะกับคนที่สนใจและมีเวลาศึกษามากเป็นพิเศษ

 

สรุป

การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis)
เสมือน ตัวแปรเชิงคุณภาพ ที่ใช้หลักความรู้ทางสถิติคณิตศาสตร์ กับข้อมูลราคา

 

การวิเคราะห์ทางปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis)
เสมือน ตัวแปรเชิงปริมาณ ที่ใช้วิธีศึกษาข้อมูลตัวแปรทั้งหมด ยกเว้นราคา

 

สุดท้าย ไม่ว่าใครจะเป็นนักเทรดสายไหน หรือใครอยากเป็นสายผสม Hybrid เลยก็ดี ขอเพียงเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเอง และศึกษามูลให้ละเอียดก่อนลงทุน เท่านี้ก็มีโอกาสประสบความสำเร็จในสายการลงทุนได้แล้ว

 

Read More
20 September
ArticleKnowledge

3 ประเภทของคู่สกุลเงิน

by adminfx 0 Comments

ตลาด FX เป็นการนำค่าเงินสองสกุลมาจับคู่กันเพื่อทำการเทรด เรียกว่า คู่สกุลเงิน ซึ่งคู่สกุลเงินนี้เองสามารถแบ่งออกได้ 3 ประเภท ดังนี้

 

1. Major Currency Pairs

Major Currency Pairs (คู่สกุลเงินหลัก) คือการจับคู่สกุลเงิน USD กับสกุลเงินที่นิยมซื้อขายกันในตลาดมากที่สุด ซึ่งจะเห็นว่าสกุลเงิน USD จะอยู่ฝั่งซ้ายหรือขวาก็ได้ มีทั้งหมด 7 คู่ด้วยกัน

Currency pair Country Nickname
EUR/USD Eurozone / United States Fiber
USD/JPY United States / Japan Ninja
GBP/USD United Kingdom / United States Cable
USD/CHF United States / Switzerland Swissy
USD/CAD United States / Canada Loonie
AUD/USD Australia / United States Aussie
NZD/USD New Zealand / United States Kiwi
 

2. Minor Currency Pairs

Minor Currency Pairs หรือ Cross Currency (คู่สกุลเงินรอง) คือการจับคู่กันระหว่างสกุลเงินที่นิยมซื้อขายกัน ยกเว้น USD

 

ตัวอย่างคู่สกุลเงินรองที่นิยมเทรดกัน

Currency pair Country Nickname
EUR/GBP Eurozone / United Kingdom Chunnel
GBP/JPY United Kingdom / Japan Gopher
GBP/CHF United Kingdom / Switzerland  
GBP/AUD United Kingdom / Australia  
EUR/JPY Eurozone / Japan Yuppy
AUD/CAD Australia / Canada  
 

3. Exotic Pairs

Exotic Pairs คือการจับคู่กันระหว่างสกุลเงินหลักและสกุลเงินจากประเทศที่กำลังพัฒนา (Emerging Markets) หรือประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เช่น บราซิล อินเดีย สิงคโปร์ นอร์เวย์ เป็นต้น

 

ตัวอย่างคู่สกุลเงิน

Currency pair Country
USD/HKD United States / Hong Kong
USD/SGD United States / Singapore
USD/ZAR United States / South Africa
USD/THB United States / Thailand
USD/MXN United States / Mexican
USD/DKK United States / Denmark
USD/SEK United States / Sweden
USD/NOK United States / Norway
USD/INR United States / India
GBP/INR United Kingdom / India
 

เปรียบเทียบคู่สกุลเงิน

Major Currency Pairs Minor Currency Pairs Exotic Pairs
• เป็นที่นิยมมาก
• มีสกุลเงิน USD ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุดในโลก อยู่ฝั่งใดฝั่งหนึ่ง
• USD มีอิทธิพลต่อคู่เงินอีกสกุลหนึ่งทันที
• สภาพคล่องสูง
• ผันผวนต่ำ
• ค่า Spread, Commission ต่ำ
• ไม่ค่อยนิยม
• มีสกุลเงินที่นิยมซื้อขายกัน ยกเว้น USD
• ไม่ค่อยมีอิทธิพลต่อเงินอีกสกุลหนึ่ง
• ผันผวนง่าย
• ผลต่างกำไรและขาดทุนน้อยกว่าคู่สกุลเงินหลัก
• ไม่ได้รับความนิยม
• สกุลเงินจากประเทศกำลังพัฒนา หรือเศรษฐกิจใหม่
• สภาพคล่องต่ำ
• ค่า Spread, Commision สูงมาก
 

สกุลเงิน มีกี่คู่?

สกุลเงินสามารถจับคู่กันได้จำนวนมาก แต่ที่องค์การสหประชาชาติยอมรับ ให้ซื้อขายกันในตลาด Forex มีด้วยกันทั้งหมด 180 สกุลเงิน หมุนเวียนใน 197 ประเทศ

 

Read More
19 September
ArticleKnowledge

สกุลเงินก็มีชื่อเล่นนะ

by adminfx 0 Comments

เนื่องจากตลาด FX เป็นการซื้อขาย สกุลเงิน เพราะฉะนั้นเราน่าจะมาทำความรู้จักกับแต่ละสกุลเงินให้มากขึ้นกัน สกุลเงินไหนมาจากประเทศอะไร? มีชื่อเล่นว่าอะไร?

 

รหัสสกุลเงิน

ตัวอักษรสามตัวที่เราเห็นกันนั้น คือ รหัสสกุลเงิน ISO 4217 ที่ถูกตั้งขึ้นโดยองค์การระหว่างประเทศเพื่อการมาตรฐาน (ISO) สำหรับใช้เป็นมาตรฐานสากลในการแลกเปลี่ยนกัน

 

สองตัวแรก คือ ชื่อประเทศ
ตัวที่สาม คือ ชื่อสกุลเงินที่ใช้ในประเทศนั้น

 

ตัวอย่างเช่น JPY
JP = ญี่ปุ่น, Y = เยน

 

ชื่อเล่นของสกุลเงิน

ในตลาดมีสกุลเงินให้คุณเลือกเทรดได้มากมาย เราจึงขอยกมาเพียง “สกุลเงินหลัก” 7 สกุล และอีก 1 สกุล ที่นักเทรดนิยมซื้อขายกันระดับโลก

 

USD, EUR และ JPY เป็นสกุลเงิน 3 อันดับแรกของโลก ที่มีการซื้อขายกันมากที่สุด

 
Code Currency Symbol Country Nickname Image
USD United States Dollar US$ United States of America Buck
EUR Euro € Eurozone Fiber
JPY Japanese yen ¥ Japan Yen
GBP Pound sterling £ United Kingdom (Great Britain) Cable
AUD Australian dollar A$ Australia Aussie
CAD Canadian dollar C$ Canada Loonie
CHF Swiss franc Fr Switzerland Swissy
NZD New Zealand dollar NZ$ New Zealand Kiwi
 

Read More
15 September
ArticleKnowledge

Pip กับ Point ต่างกันอย่างไร?

by adminfx 0 Comments

 

ในบทความที่แล้ว รู้จักกับ Bid – Ask – Spread ทุกคนน่าจะได้เห็นคำว่า Pip และ Point ผ่านตากันมาแล้ว แต่หลายคนน่าจะยังไม่รู้จักและสงสัยอยู่ว่าคืออะไร ในบทความนี้มีคำตอบ

 

ทั้ง Pip และ Point คือ หน่วยวัดค่าการเคลื่อนที่ของสกุลเงินในตลาด Forex เหมือนกัน

แต่ต่างกันที่ตำแหน่งของจุดทศนิยมในการอ่านค่า เนื่องจากสกุลเงินในตลาด มีทั้ง 3 และ 5 ตำแหน่ง

 

Pip

Pip หรือ ปิ๊ป ย่อมาจาก Price Interest Point ใช้นับการเคลื่อนไหวจุดทศนิยมตำแหน่งที่ 2 หรือ 4

ตำแหน่งที่ 2 ตำแหน่งที่ 4
USD / JPY EUR / USD
128.243 / 128.252 1.05075 / 1.05086
 

Point

Point หรือ จุด ใช้นับการเคลื่อนไหวของจุดทศนิยมตำแหน่งที่ 3 หรือ 5

ตำแหน่งที่ 3 ตำแหน่งที่ 5
USD / JPY EUR / USD
128.243 / 128.252 1.05075 / 1.05086
 

1 Pip = 10 Point เสมอ

 

ตัวอย่างสถานการณ์การใช้งาน
• ฉันตั้งจุดขายทำกำไร ที่ระยะ 300 Points หรือ 30 Pips
• วันนี้ราคา USD/JPY เปลี่ยนจาก 128.240 เป็น 128.260 ก็คือ ราคาได้เคลื่อนไหวไป 2 Pips
• นายเศรษฐี คาดการณ์ว่าราคา EUR/USD จะดีดตัวขึ้น 40 Pips หรือปรับตัวจาก 1.18450 เป็น 1.18850

เห็นตัวอย่างน่าจะเข้าใจกันมากขึ้นแล้ว อย่าลืมเอาไปลองใช้กันดูนะ

 

Read More
14 September
ArticleKnowledge

รู้จักกับ Bid – Ask – Spread

by adminfx 0 Comments

จากที่ได้เคยบอกข้อดีที่เป็นจุดเด่นของ Forex ไปแล้วว่าสามารถเก็งกำไรได้สองทาง เทรดเดอร์เลือกได้เลยว่า อยากซื้อ หรืออยากขาย วันนี้ก็เลยจะมาแนะนำคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายกัน เป็นกลุ่มคำที่ใช้บ่อยที่สุดเลย

 
Metatrader 4
 
Bid Price
คือ ราคาขายที่โบรกเกอร์เสนอให้ ใช้กับการเปิด Order แบบ Sell พูดง่ายๆ ก็คือ “ราคาที่คุณจะขาย”

ตัวอย่างให้เข้าใจง่าย
ร้านทองติดป้าย รับซื้อ 24,500 บาท
= คุณจะขาย (Bid) ทองให้ร้าน ได้เงินเพียง 24,500 บาท
Ask Price
คือ ราคาซื้อที่โบรกเกอร์เสนอให้ ใช้กับการเปิด Order แบบ Buy หรือก็คือ “ราคาที่คุณจะซื้อ”

ตัวอย่างให้เข้าใจง่าย
ร้านทองติดป้าย ขาย 25,000 บาท
= คุณจะต้องซื้อ (Ask) ทองคำในราคา 25,000 บาท
Spread
คือ ส่วนต่างระหว่างราคา Bid และราคา Ask
เช่น จากตัวอย่างคู่สกุลเงินด้านบน
(Ask) 0.89960 – (Bid) 0.89950 = 10 Points หรือ 1.0 Pips
 

Read More
  • 1
  • 2
  • 3
  • 4
Recent Posts
  • รายงานข้อมูลอัตราดอกเบี้ยของประเทศนิวซีแลนด์ในวันพุธ
    May 25, 2022
  • รายงานจาก BoK – ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของประเทศเกาหลีใต้ลดลงในเดือนพฤษภาคม
    May 25, 2022
  • เงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบหนึ่งเดือน
    May 25, 2022
  • ฟิวเจอร์สน้ำมันดิบปรับตัวลงต่ำจากความกังวลด้านอุปสงค์
    May 25, 2022

Whether you are looking to complement your existing online strategy or start from scratch, SolutionFX has everything you need to grow your business.

Broker Solutions

Broker in a Box

Company and License

Liquidity and Dealing

MetaTrader 4 White Label

cTrader White Label

Web Soulutions

Website and CMS

Trader CMS

Broker CMS

IB Functionality

Promotional Videos

Contact Us

46/184 Nuanchan Road, Nuanchan, Bueng Kum, Bangkok 10230

Copyright © 2022 SolutionFX Company Limited. All Rights Reserved