ความสำคัญของการกำหนด Position Sizing
มาต่อกันจากบทความที่แล้ว Position คืออะไร เราทิ้งท้ายกันไว้ที่ความหมายสั้นๆ ของ Position Sizing พร้อมกับย้ำว่าเป็นสิ่งจำเป็น จำเป็นอย่างไรไปดูกัน
Position Sizing
Position Sizing คือ ขนาดของสัญญา เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ใช้ในการบริหารความเสี่ยง ด้วยการจำกัดการขาดทุน
การหาค่าที่เหมาะสมสำหรับกำหนด Position Sizing
1. หาระยะ Stop Loss
ระยะของ Stop loss มีหน่วยเป็น pip โดย 1 Pip เท่ากับ ราคาต่อ Unit
เช่น EURUSD เข้า Long ที่ 1.4000 วาง Stop loss ที่ 1.3990
ดังนั้น ระยะ Stop loss เท่ากับ 0.0010 หรือ 10 pips
เทรดเดอร์ควรตั้ง Stop loss ทุกครั้ง เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการเทรดขาดทุน
2. ถามตัวเองว่ารับความเสี่ยงได้แค่ไหน
ให้คุณตั้งคำถามกับตัวเองว่า พร้อมรับความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน หรือยอมขาดทุนได้สูงสุดเท่าไร หากคุณตั้งเปอร์เซ็นต์ในการรับความเสี่ยงไว้สูง ก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนมาก แต่ก็อาจจะขาดทุนได้มากเหมือนกัน
ตัวอย่าง ขนาดพอร์ต 10,000 ดอลลาร์ รับความเสี่ยงได้ 5%
เท่ากับเรายอมขาดทุนสูงสุดได้ที่ 500 ดอลลาร์
3. เช็ค Lot Size และ Pip Value
Position sizing จะขึ้นอยู่กับจำนวน Lot ที่คุณเปิดเทรด ซึ่งมีทั้งหมด 4 ประเภท ได้แก่
Nano lot size | ค่าเท่ากับการเทรด 100 unit |
Micro lot size | มีค่าเท่ากับการเทรด 1,000 unit |
Mini lot size | มีค่าเท่ากับการเทรด 10,000 unit |
Standard lot size | มีค่าเท่ากับการเทรด 100,000 unit |
Lot คือ ปริมาณหรือขนาดของหน่วยสกุลเงินในการซื้อขาย
ส่วนมูลค่าของ pip จะมีค่าที่แตกต่างกันไป ตามแต่ละสกุลเงิน
Nano lot | 1 pip = 0.01 USD |
Micro lot | 1 pip = 0.10 USD |
Mini lot | 1 pip = 1 USD |
Standard lot | 1 pip = 10 USD |
สามารถดูค่าเมื่อเทียบเป็น USD, EUR, GBP ได้ที่นี่ https://www.mataf.net/en/Multi-Asset/tools/pip-value
4. คำนวณ Lot Size
นำค่าที่ได้จากข้อ 1-3 มาคำนวณตามสูตร หาค่า Lot เพื่อนำไปเปิด Position ซื้อ/ขา
การคำนวณขนาดสัญญา Multi-Asset มีสูตรคำนวณ ดังนี้
Risk per trade (ข้อ 2) / Stop loss in pips (ข้อ 1) = Mini lot
ใช้ Mini เพราะ 1 pip = $1
ตัวอย่าง
ขนาดพอร์ต 10,000 ดอลลาร์ รับความเสี่ยงได้ 5% ระยะ Stop loss เท่ากับ 50 pips
แทนสูตร
($1,000 x 3%) / 50
= $30 / 50
= 0.6 mini lots
แสดงว่า คุณจะต้องเปิด Position ขนาด 0.6 mini lots หรือ 6 micro lots นั่นเอง
สรุปข้อดี
- ทำให้การเทรดมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- ป้องกันและควบคุมความเสี่ยงจากการเทรดขาดทุน
- ช่วยจำกัดจำนวนเงินในการลงทุน
- พอร์ตเติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพ